Cloud Computing

หากพูดถึง Cloud หลายคนอาจจะนึกว่าต้องเป็นพวกเว็บฝากไฟล์อย่าง One Drive, Google Drive แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น จากรูป Cloud Models จะถูกแบ่งออกเป็น 4 แบบตามรูปภาพ


Cloud Model

On Premise

เป็น Traditional Architecture บนสถาปัตยกรรมแบบเดิม ซึ่งก็จะประกอบไปด้วย การเซ็ตระบบตั้งแต่ Networking, Storage, Servers ไปจนถึง Application ที่เป็น Layer ชั้นบนสุด 9 Layer ซึ่งในทุก ๆ ส่วนเราสามารถบริหารจัดการเองได้หมด ทำให้เราปรับแต่งระบบได้ตามความต้องการของเรา แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ ค่าใช้จ่ายในการซื้อ Hardware และการ Maintenance ระบบค่อนข้างสูง อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในส่วนของสถานที่, ค่าไฟ, ค่าอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยและดูแลระบบต่าง ๆ เช่น Fire Alarm, Water Leak, CCTV นอกจากเรื่องค่าใช้จ่ายแล้ว การบริหารจัดการระบบก็ต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเป็นพิเศษ ทำให้ยากต่อการบริหารจัดการ

Infrastructure as a Service (Iaas)

เป็น Cloud Computing ในระดับของ Infrastructure as a Service ในส่วนนี้ Service Provider จะคอยทำหน้าที่ Support เราในส่วนของ 4 Layer ข้างล่าง ได้แก่ Networking, Storage, Server, Virtualization จากแต่ก่อน Server 1 เครื่องสามารถรันระบบได้แค่ 1 ระบบ ก็จะเปลี่ยนมาใช้ Virtualization ทำให้ Server 1 เครื่องสามารถรันระบบได้หลายระบบ หรือที่เรียกว่า Virtual Machine (VM) โดยมีผู้นำอย่าง VMware ต้องติดตั้งลงบน Server ซึ่งต้องเสียค่า License คิดตาม Core Server ถ้าไม่อยากเสียตังค์ก็มีบริการฟรีอย่าง OpenStack แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นท่านจะต้องติดตั้งเอง ซึ่งก็ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าผู้เขียนได้มีประสบการณ์ไปเทรน OpenStack มา 5 วัน จัดโดย DEPA มา ซึ่งมีอาจารย์จาก Vasabi Lab มาสอนยังติดปัญหา Neutron Network ระหว่าง 2 Node กันอยู่เลย ส่วนใครที่ไม่อยากลง จะมีผู้ให้บริการหลักอยู่ 3 เจ้าใหญ่ ๆ ได้แก่ Google Cloud, Microsoft Azure และ AWS ซึงคิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งาน ปัจจุบันละเอียดถึงขั้นคิดตามนาทีที่ใช้งาน จากแต่ก่อนที่คิดตามชั่วโมง ทำให้มีราคาที่ถูกลงและเหมาะสมกับการใช้งานมากยิ่งขึ้น

Platform as a Service (PaaS)

เป็น Cloud Computing ในระดับของ Platform as a Service ในส่วนนี้ Service Provider จะคอยทำหน้าที่ Support เราในส่วนของ 7 Layer ข้างล่าง จะเหลือ 2 Layer ให้เราได้จัดการเอง ในส่วนนี้ Service Provider จะไม่ Support ให้เรา ได้แก่ Data และ Application เช่น การสร้าง Database, Report, Analytic ต่าง ๆ

Software as a Service (SaaS)

เป็น Cloud Computing ในระดับของ Software as a Service เชื่อว่าหลายคนคงใช้งานกันเป็นประจำ เช่น บริการ Mail Service ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Google Mail หรือ Outlook โดยผู้ใชงานไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เป็นหน้าที่ของ Service Provider ล้วน ๆ หากเกิดปัญหาขึ้นมา

Cloud Deployment Model

Cloud-02.png

Private Cloud

เป็นการใช้งานภายในองค์กร ซึ่งองค์กรเป็นเจ้าของทรัพยากรเอง สามารถบริหารจัดการได้เอง ทำให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากกว่า Public Cloud แต่ก็มีค่าใช้จ่ายด้าน Hardware ที่สูง

Public Cloud

เป็นการใช้งานร่วมกันบน Internet Network ง่ายต่อการใช้งาน และมีค่าใช้จ่ายที่ถูก แต่ไม่สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับการใช้งานได้มากเท่า Private Cloud

Hybrid Cloud

เป็นการนำ Private Cloud และ Public Cloud มารวมกัน เช่น เรามี Website และมีการเก็บข้อมูลที่ไม่ต้องมีระดับการรักษาความปลอดภัยมากนักพวก Product Order, Product Detail ต่าง ๆ ไว้ใน Database ที่อยู่บน Public Cloud และมี การเก็บข้อมูลที่ต้องมีการรักษาความปลอดภัยพวก Account และ Payment ของ User เก็บไว้บน Private Cloud แทน

Bare Metal Cloud

ปัจจุบันก็มีการเริ่มใช้งาน Public Cloud กันมากขึน แต่ไม่อยากใช้เครื่อง Server ร่วมกับคนอื่น Service Provider หลายเจ้า ก็มีบริการอย่าง Bare Metal จัดหาเครื่อง Server ให้คุณโดยไม่ใช้ร่วมกับใคร ทำให้เป็น Hybrid Cloud ไปในตัว

DR-Site as as Service (DRaaS)

บริการ Backup and Replication ที่นิยมใช้กันมากที่สุดตอนนี้ คงนี้ไม่พ้น Veeam ซึ่งสามารถทำสิ่งที่เรียกว่า DRaaS ร่วมกับ Cloud Provider ของ Microsoft Azure หากระบบบน Datacenter เกิดการทำงานที่ผิดพลาด เราสามารถสั่งให้ระบบที่เรา Replication ไว้บนฝั่ง DR บน Azure รันได้ทันที ตัว Veeam เองยังง่ายต่อการบริหารจัดการเรื่อง Retention File ด้วย ซึ่งปัจจุบันเขียน Powershell Script เพื่อสั่ง Full Backup VM สามารถสั่ง Incremental Backup ได้ แต่ยังไม่มีสกิลก็เลยต้องทำ Full Backup ส่วน License ก็คิดตาม Core Server


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *