ย้อนไปเมื่อปี 2007 ตามตำนานเล่าว่า Satoshi Nakamoto ได้เริ่มทำงานเกี่ยวกับ Bitcoin Concept ขณะที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น โดยมีการณ์คาดการณ์ว่าเป็นนามแฝงของกลุ่มคน ต่อมาปลายปี 2008 ได้มีการยื่นจดสิทธิบัตรการเข้ารหัสจาก Neal Kin, Vladimir Oksman และ Charles Bry โดยออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับ Bitcoin ถัดมาไม่กี่วันเว็บไซต์ Bitcoin.org ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยจดโดเมนไว้ที่ anonymousspeech.com และได้มีการตีพิมพ์เอกสาร Whitepaper ชื่อว่า “A Peer-to-Peer Electronic Cash System” ผ่านเว็บไซต์ metzdowd.com ที่เป็น Cryptography Mailing อีกทังยังได้มีการ Registered บนเว็บไซต์ SourceForge.net ซึ่งเป็นกลุ่มนักพัฒนา Open Source
History
ในปี 2009 ได้มีการเริ่ม Block 0 ขึ้น และได้ออก Version 0.1 released ซึ่งคอมไพล์ด้วย Microsoft Visual Studio มันขาด Command Line Interface แต่สมบูรณ์แบบจนทำให้มั่นใจได้ว่า ตัวโปรแกรมได้รับการพัฒนาโดยบุคคลมากกว่าหนึ่ง และในปีเดียวกันก้ได้มีการทำธุรกรรมครั้งแรกของ Bitcoin ใน Block 170 ระหว่าง Satoshi และ Hal Finney และในปีเดียวกันองค์กร New Liberty Standard ได้มีการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยน Bitcoin ที่กำหนดมูลค่าไว้ที่ 1 US = 1,309.03 BTC โดยใช้สมการที่รวมต้นทุนค่าไฟฟ้าเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงาน
ในปี 2010 ได้มีการจัดตั้ง Bitcoin Market โดย dwdollar เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน Exchange ในปีเดียวกันก็ได้มีการเผยแผร่สิทธิบัตรการเข้ารหัสที่ได้ยื่นจดไว้ในปี 2008 และยังได้มีการใช้ Bitcoin ในการซื้อสินค้าในโลกแห่งความเป็นจริงเมื่อโปรแกรมเมอร์ Jacksonville, Florida programmer, Laszlo Hanyecz เสนอจ่าย 10,000 Bitcoins สำหรับค่า Pizza ซึ่งในเวลานั้นราคาอยู่ที่ 25 US จากนั้นก็มีการกล่าวถึงในเว็บไซต์ข่าวไอทีอย่าง Slashdot ทำให้มีผู้เล่นหน้าใหม่เพิ่มมากขึ้น จนเป็นการมาถึงของ OpenGL GPU ทำให้สามารถลด hash rates ได้มากกว่าการใช้ CPU และถือกำเนิด Bitcoin Pooled Mining คือการที่มีผู้ใช้หลายคนทำงานร่วมกัน แล้วนำผลกำไรที่ได้มาแบ่งกัน โดยมี Slush’s Pool mines เป็นกลุ่มแรก ภายในปีเดียวกัน สมาชิกภายใน Bitcoin Forum ได้มีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า Escrow Trade และมีการเพิ่มช่องทางการซื้อขายที่เรียกว่า Bitcoin OTC (Over-the-Counter) ให้สามารถซื้อขายกันเองโดยตรง ผ่านทางโปรแกรม Freenode IRC ปลายปี 2010 ได้มีการทำธุรกรรมผ่าน Mobile เป็นครั้งแรก
ในปี 2011 ราคาของ Bitcoin เทียบเท่ากับค่าเงินดอลลาร์เป็นครั้งแรก ทำให้มี Traffic เพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยมีความเร็วในการคำนวณอยู่ที่ 900Ghash/sec และจะลดลงเหลือ 500Ghash/sec ซึ่งคาดการณ์ว่ามาจาก Super Computer หรือ Bot-Net ที่เข้ามาร่วมในเครือข่าย เป็นปีที่มีการเปิด Bitcoin Market Exchange เพื่อใช้แลกเปลี่ยน Bitcoin เป็นเงินสกุลต่าง ๆ และมีการใช้งาน E-Wallet สำหรับ Bitcoin เป็นครั้งแรก ในปลายปี 2011 เป็นครั้งแรกที่มีการทำ P2Pool Peer-to-Peer Decentralized Pool
Concept
Cryptocurrency อาศัยเทคโนโลยีของ Blockchain เพื่อใช้ในการสร้างสกุลเงินดิจิทัล และใช้ทำธุรกรรมบน Internet โดยการนำเทคโนโลยี 3 อย่างมารวมกันทำให้เกิดเป็น Blockchain ประกอบไปด้วย
Cryptographic Keys
การทำ Transaction ระหว่างคนสองคนบน Internet โดยแต่ละคนจีมี Public Key และ Private Key ของตัวเอง เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนด้วยการสร้าง Digital Signature ขึ้นมา ซึ่งอาศัย Public Key และ Private Key
Distributed Network
เป็นการใช้ Concept ของ Tree Fall in Forest ถ้าต้นไม้ล้มในป่า แต่ถ้าหากคุณมีกล้องก็บันทึกมันไว้ จะได้มีหลักฐาน ซึ่งผมว่ามันเข้าใจยากสำหรับคนไทย เอาแบบง่าย ๆ คือการทำซ้ำและกระจายข้อมูลไปอยู่หลาย ๆ ที่เพื่อเป็นการคัดลอกข้อมูลเก็บไว้ Best Practice แนะนำว่าอย่างน้อย 3 ที่ เพื่อความถูกต้องของข้อมูล
Protocol
ใน 1 Transaction จะแบ่งออกเป็นหลาย ๆ Block เป็นห่วงโซ่กันที่เรียกว่า Chain ซึ่งจะประกอบไปด้วยข้อมูล Digital Signature, Timestamp, Relevant information ข้อมูลที่เก็บเป็น Block เหล่านี้จะถูกทำการ Broadcast ออกไปทุก Node ใน Network โดยจะมีการให้รางวัลเมื่อคุณนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาช่วยในการประมวลผลการทำธุรกรรมเหล่านี้ เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นลองไปดู Demo Blockchain กันครับ
Bitcoin พยายามทำตัวเป็นเหมือนทองคำ โดยมีหน่วยอยู่บนฐานของ Satoshi Units ซึ่งต้องมีลักษณะ ผู้ถือต้องไม่ซ้ำกัน และต้องมีคุณค่าในตัวของมันเอง เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ จีงต้องมีการสร้าง Node Serving บน Network เพื่อรักษาประวัติการทำธุรกรรมแต่ละ Transaction ของ Bitcoin โดยอาศัย Proof-of-Work การแก้ไขปัญหาทางคณิตศาสตร์ จะโหวตด้วยพลังของ CPU ในการยืนยัน Block หรือ Reject Block หากมีการยืนยัน Block ใหม่ ก็จะมีการบันทึกเวลาไว้
Leave a Reply